ภาพรวม

ความต้องการก๊าซธรรมชาติในประเทศไทยเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการเติบโตทางเศรษฐกิจ ความต้องการไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น และการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรม

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากปริมาณก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยลดลง รัฐบาลจึงได้ออกนโยบายแนวทางการส่งเสริมการแข่งขันในกิจการก๊าซธรรมชาติโดยส่งเสริมให้มีผู้จัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติหลายราย และให้บริษัทเอกชนสามารถลงทุนในโครงการท่าเรือก๊าซและสถานีรับ-จ่ายก๊าซธรรมชาติเหลวได้ เพื่อกระตุ้นการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) และเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงานของประเทศ ซึ่งนโยบายเหล่านี้มุ่งเน้นการส่งเสริมการแข่งขันในธุรกิจก๊าซธรรมชาติ เพิ่มจำนวนผู้ค้าก๊าซธรรมชาติ และเตรียมการสำหรับการเปิดเสรีตลาดก๊าซธรรมชาติในอนาคต

ในการสนับสนุนนโยบายและมาตรการที่มุ่งเน้นการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่กำลังเป็นประเด็นหารือในระดับโลก รัฐบาลไทยได้ส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดผ่านการใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงหลัก เนื่องจากพลังงานที่ผลิตจากก๊าซธรรมชาติจะปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยกว่าเชื้อเพลิงฟอสซิลชนิดอื่นๆ และมีความเสถียรมากกว่าเมื่อเทียบกับพลังงานหมุนเวียน

GULF ได้มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนนโยบายของรัฐบาล โดยมีการลงทุนและพัฒนาโครงการที่เกี่ยวข้องกับก๊าซธรรมชาติในหลายรูปแบบ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้นและเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็นสามประเภท

Natural Gas Distribution
โครงการจัดจำหน่ายก๊าซธรรมชาติทางท่อ

GULF ได้ลงทุนและพัฒนา ก่อสร้าง และบริหารจัดการระบบท่อจัดจำหน่ายก๊าซธรรมชาติ ในโครงการจัดจำหน่ายก๊าซธรรมชาติทางท่อ ซึ่งท่อเหล่านี้เชื่อมต่อกับระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (PTT) โดยตรง

ท่อส่งก๊าซธรรมชาตินี้ถูกออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรม การเชื่อมต่อดังกล่าวได้รับการสนับสนุนและอำนวยความสะดวกจากบริษัท ปตท. จำหน่ายก๊าซธรรมชาติ จำกัด (PTT NGD) ซึ่งมีหน้าที่จัดจำหน่ายก๊าซธรรมชาติให้กับกลุ่มลูกค้าภาคอุตสาหกรรมและภาคพลังงานทั่วประเทศ

LNG Terminal
โครงการท่าเรือก๊าซและสถานีรับ-จ่ายก๊าซธรรมชาติเหลว

GULF เป็นผู้พัฒนาและดำเนินโครงการท่าเรือก๊าซและสถานีรับ-จ่ายก๊าซธรรมชาติเหลว ในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง โครงการนี้ดำเนินการภายใต้รูปแบบสัญญาร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (Public-Private Partnerships) ร่วมกับ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (IEAT)

โดยแบ่งออกเป็นสองส่วนหลัก:

  1. การออกแบบและก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน: รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถ ดูได้ที่นี่
  2. การออกแบบ ก่อสร้าง และประกอบกิจการท่าเทียบเรือก๊าซและสถานีรับ-จ่ายก๊าซธรรมชาติเหลว: โครงการครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 200 ไร่ (ประมาณ 79 เอเคอร์ หรือ 32 เฮกตาร์) ของพื้นที่ถมทะเล เพื่อรองรับการขนส่งก๊าซธรรมชาติเหลว ขั้นต้นอย่างน้อย 5 ล้านตันต่อปี ในระยะที่ 1 และสามารถขยายความสามารถในการขนส่งได้จนถึง 10.8 ล้านตันต่อปี ในระยะที่ 2
LNG Shipper
โครงการจัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติ

GULF ได้ลงทุนใน GMTP ซึ่งเป็นบริษัทที่รับผิดชอบการพัฒนาและดำเนินการโครงการท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 (ช่วงที่ 1) ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง โดยดำเนินการภายใต้สัญญาร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (PPP) เป็นระยะเวลา 35 ปี กับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (IEAT)

โครงการนี้ประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก ได้แก่

  • การออกแบบและก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งรวมถึงการขุดลอกและถมดินในพื้นที่ประมาณ 1,000 ไร่ (หรือประมาณ 160 เฮกตาร์ / 395 เอเคอร์)
  • การออกแบบ ก่อสร้าง และประกอบกิจการท่าเทียบเรือก๊าซและสถานีรับ-จ่ายก๊าซธรรมชาติเหลว
  • การดำเนินงานและการบำรุงรักษาท่าเทียบเรือก๊าซและสถานีรับ-จ่ายก๊าซธรรมชาติเหลว เพื่อสนับสนุนการขนส่งก๊าซธรรมชาติเหลวได้สูงสุด 8 ล้านตันต่อปี (สำหรับสถานี LNG ระยะที่ 1) และสามารถขยายกำลังการขนส่งได้สูงสุดถึง 10.8 ล้านตันต่อปี (สำหรับสถานี LNG ระยะที่ 2)
เข้าสู่เว็บไซต์ GULF LNG เข้าสู่เว็บไซต์ HKH
GULF invests in Thai Tank Terminal (TTT)
โครงการบริหารจัดการท่าเทียบเรือสาธารณะเพื่อขนถ่ายสินค้าเหลว

GULF ได้ลงทุนในบริษัท ไทยแท้งค์เทอร์มินัล (TTT) ซึ่งเป็นผู้ประกอบกิจการท่าเรือสาธารณะสำหรับสินค้าเหลว และคลังเก็บสินค้าเหลว ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง ภายใต้สัญญาร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (PPP) เป็นระยะเวลา 30 ปี กับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (IEAT)

โดยบริษัท TTT มีหน้าที่ดูแลจัดการท่าเรือจำนวน 4 ท่า สามารถรองรับเรือได้ถึง 1,000 ลำต่อปี รวมถึงมีถังบรรจุสินค้าเหลวที่มีความจุ 723,800 ลูกบาศก์เมตร ซึ่งทำให้บริษัท TTT เป็นผู้ให้บริการท่าเรือสาธารณะสำหรับสินค้าเหลวที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

นอกจากนี้ ยังมีแผนการก่อสร้างและลงทุนถังบรรจุสินค้าเหลวเพิ่มเติมอีกอย่างน้อย 65,000 ลูกบาศก์เมตร เพื่อตอบสนองความต้องการผู้ประกอบการกลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมีภายในประเทศ

โครงการของเรา