บริษัทฯ มุ่งพัฒนาธุรกิจก๊าซ สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ชาติและความมุ่งมั่นสนับสนุนให้เกิดความมั่นคงด้าน พลังงาน และเพิ่มความแข่งขันตลอดห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) ก๊าซธรรมชาติ
ธุรกิจก๊าซของกัลฟ์ประกอบด้วย 3 ธุรกิจหลัก คือ จัดหาและจำ หน่ายก๊าซธรรมชาติเหลว, สถานีรับ-จ่ายก๊าซธรรมชาติ เหลว, จัดจำ หน่ายก๊าซธรรมชาติทางท่อ
บริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการจัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติภายใต้บริษัทย่อย (Gulf LNG) เพื่อจำ หน่ายก๊าซ ธรรมชาติให้แก่โรงไฟฟ้า SPP ในเครือ 19 โรง ในปริมาณรวม 300,000 ตันต่อปีอีกทั้งยังได้รับใบอนุญาตจัดหาและค้า ส่งก๊าซธรรมชาติภายใต้กิจการร่วมค้า (HKH) เพื่อจำ หน่ายก๊าซธรรมชาติให้แก่โครงการโรงไฟฟ้าหินกอง ในปริมาณรวม 1.4 ล้านตันต่อปี
Gulf MTP ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทฯ ถือหุ้นร้อยละ 70.0 เป็นผู้ได้รับสิทธิพัฒนาและดำ เนินโครงการพัฒนาท่าเรือ อุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่3 ช่วงที่1 ในจังหวัดระยอง และได้รับสิทธิในการออกแบบ ก่อสร้าง และประกอบกิจการท่า เทียบเรือก๊าซและสถานีรับ-จ่ายก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG terminal) โดยสามารถรองรับปริมาณการขนถ่ายก๊าซ ธรรมชาติเหลวได้ถึง 10.8 ล้านตันต่อปี
บริษัทฯ ถือหุ้นร้อยละ 40.0 ในบริษัท PTT NGD เพื่อลงทุนในการก่อสร้างระบบท่อจัดจำ หน่ายก๊าซธรรมชาติให้แก่ลูกค้า อุตสาหกรรมในพื้นที่กรุงเทพมหานครและจังหวัดระยอง นอกจากนี้บริษัทฯ ถือหุ้นผ่านกิจการร่วมค้า Gulf WHA MT ร้อยละ 35.0 เพื่อดำ เนินธุรกิจจัดจำ หน่ายก๊าซธรรมชาติทางท่อจำ นวน 2 โครงการ (NGD2 และ NGD4) โดยจำ หน่ายก๊าซ ธรรมชาติให้แก่ลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมในบริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออก (Eastern Seaboard)
ก๊าซธรรมชาติคือ ก๊าซชีวภาพชนิดหนึ่งถือเป็นปิโตรเลียมที่อยู่ในสถานะของก๊าซ ซึ่งสามารถค้นพบได้ทั้งบนบกและใน ทะเล ก๊าซธรรมชาติเกิดขึ้นจากการทับถมกันของซากพืช ซากสัตว์อัดแน่นกันผสมกับกากตะกอนต่าง ๆ ที่ก้นทะเล ภาย ใต้ความร้อนและแรงกดเป็นเวลานานหลายร้อยล้านปีจนมีการแปรสภาพเป็นของแข็งและของเหลว เช่น ก๊าซธรรมชาติ น้ำ มันดิบนั่นเอง ซึ่งลักษณะของก๊าซธรรมชาติจะไม่มีสีไม่มีกลิ่น น้ำ หนักเบากว่าอากาศ เผาไหม้ได้อย่างสมบูรณ์ไร้เขม่า และไม่มีการเจือปนของสารพิษ
ก๊าซธรรมชาติคือ ก๊าซชีวภาพชนิดหนึ่งถือเป็นปิโตรเลียมที่อยู่ในสถานะของก๊าซ ซึ่งสามารถค้นพบได้ทั้งบนบกและใน ทะเล ก๊าซธรรมชาติเกิดขึ้นจากการทับถมกันของซากพืช ซากสัตว์อัดแน่นกันผสมกับกากตะกอนต่าง ๆ ที่ก้นทะเล ภาย ใต้ความร้อนและแรงกดเป็นเวลานานหลายร้อยล้านปีจนมีการแปรสภาพเป็นของแข็งและของเหลว เช่น ก๊าซธรรมชาติ น้ำ มันดิบนั่นเอง ซึ่งลักษณะของก๊าซธรรมชาติจะไม่มีสีไม่มีกลิ่น น้ำ หนักเบากว่าอากาศ เผาไหม้ได้อย่างสมบูรณ์ไร้เขม่า และไม่มีการเจือปนของสารพิษ
ก๊าซธรรมชาติจะประกอบด้วยก๊าซหลายชนิด เมื่อผ่านกระบวนการแยกที่โรงแยกก๊าซก็จะสามารถนำ ก๊าซเหล่านี้ไปใช้ ประโยชน์ในด้านต่าง ๆ ได้อย่างเต็มที่เช่น
มีเทน (CH4)
ไม่มีสีไม่มีกลิ่น และเป็นส่วนประกอบหลักของก๊าซธรรมชาติ70-90% มีเทนมีบทบาทสำคัญในการทำ ความ ร้อนและการผลิตกระแสไฟฟ้า นอกจากนี้ยังใช้เป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตสารเคมีอย่างเมทานอลอีกด้วย
อีเทน (C2H6)
ไม่มีสีไม่มีกลิ่น หนักกว่ามีเทน เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีเพื่อผลิตเอทิลีน ซึ่งเป็นสารตั้งต้นของสาร เคมีและพลาสติกอื่น ๆ อีกมากมาย
โพรเพน (C3H8)
หนักกว่ามีเทน และอีเทน สามารถบีบอัดให้เป็นของเหลวที่สามารถขนส่งได้นิยมใช้เป็นวัตถุดิบตั้งต้นใน อุตสาหกรรมปิโตรเคมีนอกจากนี้ยังใช้สำหรับการทำ ความร้อนและเป็นเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องยนต์
บิวเทน (C4H10)
มีโครงสร้าง 2 รูปแบบ คือ n-butane และ iso-butane มักใช้เป็นส่วนประกอบในก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงที่ใช้กันทั่วไปในการทำ ความร้อนและยานพาหนะ อีกทั้งยังนิยมใช้เป็นเชื้อเพลิงในไฟแช็ก และ เป็นสารขับเคลื่อนในสเปรย์ละอองลอย
ปัจจุบันก๊าซธรรมชาติมีบทบาทสำคัญมากขึ้นในโรงงาน อุตสาหกรรม และเกษตรกรรม โดยการให้พลังงาน ความร้อน และเป็นวัตถุดิบที่จำ เป็นสำหรับผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภคที่หลากหลาย เช่น
ก๊าซธรรมชาติส่วนใหญ่ประกอบด้วยมีเทน 70-90% จึงเผาไหม้ได้สะอาดกว่าเมื่อเทียบกับถ่านหิน มักนำ ไปใช้กับกังหัน หรือเครื่องยนต์สันดาปเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า เมื่อเกิดการเผาไหม้พลังงานเคมีของก๊าซจะถูกแปลงเป็นพลังงานกล ซึ่งจะ ขับเคลื่อนเครื่องกำ เนิดไฟฟ้าและผลิตกระแสไฟฟ้าในที่สุด ด้วยเหตุนี้ก๊าซธรรมชาติจึงกลายเป็นตัวเลือกยอดนิยมมากขึ้น สำหรับระบบสาธารณูปโภคที่ต้องการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
สำหรับวัตถุดิบในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีหมายถึง วัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตสารเคมีและผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ซึ่งก๊าซธรรมชาติ และส่วนประกอบต่าง ๆ โดยเฉพาะอีเทน เป็นวัตถุดิบตั้งต้นที่จำ เป็นสำหรับปฏิกิริยาเคมีหลายชนิด ซึ่งเป็นสารประกอบ พื้นฐานสำหรับการผลิตเม็ดพลาสติกโพลิเอทิลีน (PE) เรซิน และสารเคมีอื่น ๆ
ด้วยคุณสมบัติการเผาไหม้ที่สะอาดของก๊าซธรรมชาติจึงมีการนำ ไปใช้อย่างแพร่หลายทั้งในอุตสาหกรรมและที่อยู่อาศัย ก๊าซธรรมชาติจะถูกใช้โดยตรงในเตาเผา เตาอบ และหม้อไอน้ำ เพื่อผลิตความร้อนที่จำ เป็นสำหรับกระบวนการต่าง ๆ เช่น การถลุงโลหะ การหลอมแก้ว หรือการกลั่นสารเคมีเป็นต้น นอกจากนี้ยังมีบทบาทสำคัญในการผลิตไอน้ำ เพื่อขับเคลื่อน กังหันอีกด้วย
สำหรับในภาคเกษตรกรรมก็มีการนำ ก๊าซธรรมชาติมาใช้สังเคราะห์แอมโมเนีย ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในปุ๋ยหลายชนิด ที่ช่วยบำ รุงพืชผลทั่วโลก ผ่านกระบวนการที่เรียกว่าการปฏิรูปด้วยไอน้ำ (Steam Reforming) ซึ่งเป็นวิธีการผลิต ไฮโดรเจน ผสมผสานกับไนโตรเจนจากอากาศทำ ให้เกิดเป็นแอมโมเนีย เนื่องจากกระบวนการสังเคราะห์แอมโมเนียจะใช้ พลังงานค่อนข้างมาก การเลือกใช้ก๊าซธรรมชาติจึงช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้นั่นเอง
ก๊าซธรรมชาติถือเป็นเชื้อเพลิงที่สำคัญและมีประโยชน์ในหลายๆ ด้าน ซึ่งถือเป็นแหล่งพลังงานในการทำ ความร้อน และ ยังใช้เป็นเชื้อเพลิงในการขับเคลื่อนยานยนต์ในปัจจุบัน และก๊าซธรรมชาติถือเป็นพลังงานที่สะอาดกว่าเชื้อเพลิงมวลอื่น เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มีการปล่อยความร้อนสู่บรรยากาศโลกน้อยกว่า และยังมีราคาถูกกว่าเชื้อเพลิงปิโตรเลียมอื่น ๆ รวมถึงช่วยลดการนำ เข้าเชื้อเพลิงจากต่างประเทศได้